08 ตุลาคม, 2552

ท่านพุทธทาส แจกคาถา

คาถากันซวย
พวกเราเอ๋ย จงระวัง ให้ดีๆ
อย่าให้คน หรือผี แช่งชักได้
ทำไม่ดี เราก็รู้ อยู่กะใจ
คนทั่วไป พากันป่าว ฉาวทั้งเมือง
ทุกคนรู้ ทุกคนแช่ง อยู่ในใจ
และจะเป็น อย่างไร ใครรู้เรื่อง
มันจะซวย ยิ่งกว่าซวย หรือรุ่งเรือง
จะกระเดื่อง หรือจะดับ เมื่อรับกรรม
ที่แน่นอน นั้นมันทอน ความเจริญ
ต้องเก้อเขิน ร้อนคลั่ง วันยังค่ำ
เป็นนรก อยู่ในใจ ให้ระกำ
ผีแช่งคำ คนแช่งคำ ทำให้ซวยฯ

คาถาช่วยโชค
พวกเราเอ๋ย จงกระทำ กรรมดีๆ
ให้ทั้งคน ทั้งผี ชมเชยได้
พอทำดี เราก็อิ่ม กริ่มในใจ
คนทั่วไป ก็ป่าวบอก ออกทั่วเมือง
ทุกคนรู้ ทุกคนชม อยู่ในใจ
แล้วจะเป็น อย่างไร ใคร่รู้เรื่อง
มันจะซวย หรือจะสวย ด้วยรุ่งเรือง
จะขุ่นเคือง หรืออะเคื้อ เมื่อรับกรรม
ที่แน่นั้น มันส่งไป ให้เจริญ
ไม่เก้อเขิน เปล่งปลั่ง วันยังค่ำ
เป็นสวรรค์ อยู่ในใจ ไม่ระกำ
ผีชมคำ คนชมคำ ทำให้รวยฯ

คาถารักเรียน
เป็นนักเรียน เพียรศึกษา อย่าริรัก
ถูกศรปัก เรียนไม่ได้ ดั่งใจหมาย
สมาธิ จะหักเหี้ยน เตียนมลาย
ถึงเรียนได้ ก็ไม่ดี เพราะผีกวน
แต่เตือนกัน สักเท่าไหร่ ก็ไม่เชื่อ
มันแรงเหลือ รักร้าย หลายกระสวน
หลอกพ่อแม่ ได้มากมาย หลายกระบวน
หน้าขาวนวล ใจหยาบดำ ช้ำละลาย
ใช้เงินอย่าง เทน้ำเทท่า น่าใจหาย
ไม่เท่าไร ใจกระด้าง สิ้นยางอาย
หญิงหรือชาย เรียนไม่ดี สิ่งนี้เอง
มีสัจจะ ทมะ และขันตี
กตัญญู กตเวที อย่าโฉงเฉง
รักพ่อแม่ พวกพ้อง ต้องยำเกรง
เรียนให้เก่ง ได้ยิ้มแปล้ แก่ทุกคนฯ

คาถารักงาน
อันการงาน คือคุณค่า ของมนุษย์
ของมีเกียรติ สูงสุด อย่างสงสัย
ถ้าสนุก ด้วยการงาน เบิกบานใจ
ไม่เท่าไร ได้รู้ธรรม ฉ่ำซึ้งจริง
เพราะการงาน เป็นตัวการ ประพฤติธรรม
กุศลกรรม กล้ำปนมา มีคายิ่ง
ถ้าจะเปรียบ ก็เปรียบคน ฉลาดยิง
นัดเดียววิ่ง เก็บนก หลายพกมา
คือการงาน นั้นต้องทำ ด้วยสติ
มีสมาธิ ขันตี มีอุตสาห์
มีสัจจะ มีทมะ มีปัญญา
มีศรัทธา และกล้าหาญ รักงานจริงฯ

ถ้าถารักเหงื่อ
เหงื่อนั่นแหละ คือน้ำมนต์ ให้ผลเลิศ
น้ำให้เกิด สุขสวัสดิ์ พิพัฒน์ผล
น้ำมนต์รด รดเท่าใด ไม่ช่วยคน
จนกว่าตน จะมีเหงื่อ เมื่อทำจริง
จงรักเหงื่อ เชื่อมั่น บากบั่นเถิด
หน้าที่เกิด สมบูรณ์ดี มีผลยิ่ง
เป็นพระเจ้า มาช่วยเรา อย่าระวิง
จะเป็นมิ่ง ขวัญแท้ แก่ทุกคน
พระพุทธองค์ ทรงเคารพ ซึ่งหน้าที่
ดูให้ดี เหงื่อออกมา มหาผล
ใช้บูชา พระพุทธองค์ มิ่งมงคล
สาธุชน มีสุขเหลือ เพราะเหงื่อเอยฯ

คาถารักสงบ
อันที่จริง “ตัวกู” มิได้มี
แต่พอเผลอ มันเป็นฝี โผล่มาได้
พอหายเผลอ “ตัวกู” ก็หายไป
หมด “ตัวกู” เสียได้ เป็นเรื่องดี
รักสงบ จงลืม ซึ่ง “ตัวกู”
และลืมทั้ง “ตัวสู”อย่างเต็มที่
มีสติ ปัญญา และปรานี
หน้าที่ใคร ทำให้ดี เท่านี้เอยฯ

คาถาเลิกบุหรี่
สูบบุหรี่ มีแต่ จะค่อยบั่น
ทอนอายุ ให้สั้น นั้นแน่ๆ
กำลังจิต ถูกตัดรอน ให้อ่อนแอ
เพราะต้องแพ้ แก่ความเงี่ยน ราบเตียนไป
ต้องเสียทรัพย์ บุหรี่ดี ยิ่งมีค่า
เดือนกว่าๆ เงินร้อยๆ พลอยกษัย
น้ำเสียงเครือ ครอแคร เหม็นแย่ไป
เอาควันไฟ รมปอด ยอดอันธพาล
เป็นผู้ใหญ่ นำเด็กให้ สูบบุหรี่
ให้พวกผี หัวเราะคน ควรสงสาร
แล้วเกิดมา ทำไมกัน มันป่วยการ
หลงล้างผลาญ ตัวเอง เก่งสุดใจฯ

คาถาเลิกเหล้า
พอดื่มเหล้า จนความเมา เข้าสิงใจ
คนเปลี่ยนไป มากมาย จนคล้ายผี
มนุษย์กลาย เป็นยักษ์ รักต่อดี
แม้สามี ภรรยา ชี้หน้ากัน
ไม่เท่าไร โรคร้าย ได้ก่อหวอด
ทั้งตับปอด เปลี่ยนไป ไม่คงมั่น
เสียค่าเหล้า ค่ายา รักษามัน
ค่าทำขวัญ ค่าปรับ นับหลายเพลง
มันแล้วเมา อ้อแอ้ เหม็นแย่ไป
เห็นหน้าใคร ปลาเปราะ เคาะโฉงเฉง
เกาะแกะแก่ แม้สะใภ้ ของนายเอง
ที่เกินเก่ง พลาดถูก ลูกของตัว
คนเหลือบเห็น คนเมา เขานึกแช่ง
ทุกหัวระแหง ไม่ต้องดู รู้ดีชั่ว
เป็นที่รวม เรื่องบัดสี ที่น่ากลัว
ท่วมหูหัว ความกาลี มีเพราะเมาฯ

คาถาเลิกส่วนเกิน
หลงส่วนเกิน เกี่ยวกับกิน จนลิ้นหลง
ตบแต่งองค์ กันเกินไป จนใจเหลิง
บำเรอกาม เกินไป จนใจละเลิง
หลงบันเทิง เมามายไม่เหนื่อยตน
อย่างให้เกิน จะมีดี ที่เศรษฐกิจ
สุขภาพ กายและจิต จักเพิ่มผล
ทั้งสติ ปัญญา พาวิมล
มีเวลา ท่องบ่น บทพระธรรม
จะมีส่วน เหลือไว้ เพื่อให้ทาน
ทั้งต่อต้าน ลัทธิ ที่บ้าระห่ำ
ไม่ทำลาย โลกทรัพย์ ยับระยำ
ทุกชั่วโมง เย็นฉ่ำ กว่าน้ำเย็น
ขอเชิญชวน พวกเรา เหล่าชาวพุทธ
มีหลักยุด มัธยัสถ์ ถนัดเห็น
ว่าส่วนเกิน ให้เกิดทุกข์ ทุกประเด็น
แล้วงดเว้น ส่วนที่เกิน เจริญจริงฯ

คาถาเลิกโง่
อย่าเป็นทุกข์ให้โง่
ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์!

คาถาหมดโรค
ต้น “ไม่รู้-ไม่ชี้” นี่เอาเปลือก
ต้น “ช่างหัวมัน” นั้นเลือก เอาแก่นแข็ง
“อย่างนั้นเอง” เอาแต่ราก ฤทธิ์มันแรง
“ไม่มีกู-ของกู” แสวง เอาแต่ใบ
“ไม่น่าเอา-น่าเป็น” เฟ้นเอาดอก
“ตายก่อนตาย” เลือกออก ลูกใหญ่ๆ
หกอย่างนี้ อย่างละชั่ง ตั้งเกณฑ์ไว้
“ดับไม่เหลือ” สิ่งสุดท้าย ใช้เมล็ดมัน
หนักหกชั่ง เท่ากับ ยาทั้งหลาย
เคล้ากันไป เสกคาถา ที่อาถรรพณ์
“สัพเพ ธัมมา นาลัง อะภินิเวสายะ” อัน
เป็นธรรมชั้น หฤทัย ในพุทะนาม
จัดลงหม้อ ใส่น้ำ พอท่วมยา
เคี่ยวไฟกล้า เหลือได้ หนึ่งในสาม
หนึ่งช้อนชา สามเวลา พยายาม
กินเพื่อความ หมดสรรพ เป็นโลกอุดรฯ

คาถาหมดศัตรู
อันศัตรู คือผู้จู่ มาสอบไล่
ให้รู้ได้ ว่าเรามี ดีเท่าไหน
หรือดีแต่ จะโกรธยืน เป็นฟืนไฟ
บังคับใจ ไว้ไม่อยู่ สักครู่เดียว
อันศัตรู คือผู้สรร สวรรค์ให้
ตรงที่ได้ มีจิต คิดเฉลี่ยว
ว่าอดกลั้น นั้นแหละนะ เป็นพระเทียว
ไม่อด,เลี้ยว ไปเป็นมาร พล่านนรก
อันศัตรู คือผู้สอน สัจธรรม
ว่าอาฆาต นั้นคือน้ำ สกปรก
อย่าเก็บไว้ ในใจ ให้ใจฟก
จะเวียนวก ว่ายสงสาร นานนักเอย
เหตุฉะนั้น ศัตรู คือผู้ให้
แต่กลายเป็น ผู้ราย เหตุไรเหวย
เพราะผู้รับ รับไม่เป็น อย่างเช่นเคย
ถ้ารับเป็น พวกเราเอ๋ย หมดศัตรูฯ

คาถาล่วงบ่วงมาร“มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป”
นี่เป็นมนต์ บทใหญ่ ใช้เมื่อ “ได้”
ซึ่งลาภยศ สรรเสริญ สุขใจกาย
ไม่เมามาย ลืมตัว หรืองัวเงีย
“มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป”
ก็เป็นมนต์ บทใหญ่ ใช้เมื่อ “เสีย”
ซึ่งลาภยศ สรรเสริญสุข แม้ลูกเมีย
ไม่อ่อนเปลี้ย สับสน หรือวุ่นวาย
“มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป”
ก็เป็นมนต์ บทใหญ่ ใช้เมื่อ ครั้งสุดท้าย
เป็นอาวุธ สัประยุทธ์ กับความตาย
แสนสบาย เพราะก้าวล่วง จากบ่วงมาร

คาถารอดนรก
จำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม
ทำสิ่งที่ควรทำ เลิกสิ่งที่ควรเลิก
มิฉะนั้น
จะจมอยู่ในนรก ตลอดเวลา !

คาถาดับอยาก
อันความอยาก จะระงับ ดับลงได้
นั้นมิใช่ เพราะเรา ตามสนอง
สิ่งที่อยาก ให้ทัน ดั่งมันปอง
แต่เพราะต้อง ฆ่ามัน ให้บรรลัย
ให้ปัญญา บงการ แทนร่านอยาก
ความร้อนไม่ มีมาก อย่าสงสัย
ทั้งอาจผลติ กิจการ งานใดๆ
ให้ล่วงไป ด้วยดี มีสุขเย็นฯ

คาถาดับทุกข์
มีอะไร มีไม่เป็น ก็เป็นทุกข์
ถึงมีสุข ก็ยิ่งทุกข์ เพราะสุขนั่น
ดูให้ดี อย่าเสยที ให้กับมัน
จะพากัน มาเพิ่มทุกข์ ให้ทุกทีฯ
ยามจะใช้ ใช้ให้เป็น ไม่เป็นทุกข์
ยามจะกิน กินให้ถูก ตามวิถี
ยามจะถ่าย ถ่ายให้เป็น เห็นสุดดี
ถ้าอย่างนี้ ไม่มีทุกข์ ทุกคืนวันฯ
ยามจะได้ ได้ให้เป็น ไม่เป็นทุกข์
ยามจะเป็น เป็นให้ถูก ตามวิถี
ยามจะตาย ตายให้เป็น เห็นสุดดี
ถ้าอย่างนี้ ไม่มีทุกข์ทุกวันเอยฯ

คาถาดับสังขาร
สิ่งปรุงแต่ง ทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ
มันเกิดก่อน ตามหน้าที่ มีสังขาร
แล้วก็ดับ เป็นธรรมดา ตามอาการ
ไม่อยู่นาน มนเป็น เช่นนี้แล
สังขารกลุ่ม นี้หนอ ก็เหมือนกัน
จะสิ้นสุด ลงในวัน นี้เป็นแน่
ไม่มีใคร เกิดหรือตาย มีได้แต่
สังขารแท้ๆ มันจะดับ โดยธรรมดา
ความสงบ มีเพราะดับ แห่งสังขาร
มันดับเย็น เป็นนิพพาน สิ้นลังสาร์
นามรูปนี้ ดับวันนี้ เป็นกิริยา
ไม่มีเชื้อ กลับมา เกิดอีกแลฯ

คาถาดับไม่เหลือ
อย่าเข้าใจ ไปว่า ต้องเรียนมาก
ต้องปฏิบัติ ลำบาก จึงพ้นได้
ถ้ารู้จริง สิ่งเดียว ก็ง่ายดาย
รู้ดับให้ ไม่มีเหลือ เชื่อก็ลอง
เมื่อเจ็บไข้ ความตาย จะมาถึง
อย่างพรั่นพรึง หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้ ดีดี นาทีอง
คอยจดจ้อง ใดตรงจด หลุดได้ทัน
ถึงนาที สุดท้าย อย่าให้พลาด
ตั้งสติ ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพัน ไม่ยึดครอง เป็นของเรา
“ตกกระได พลอยกระโจน” ให้ดีดี
จะถึงที่ มุ่งหมาย ได้ง่ายเข้า
สมัครใจ “ดับไม่เหลือ”เมื่อไม่เอา
ก็ดับเรา ดับตน ดลนิพพานฯ
ที่มา : ส.ค.ส.2552 พระพุทธทาส

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12/3/54 09:54

    ดีมากครับ อนุโมทนา ขอแชร์ไปใช้ครับ

    ตอบลบ