13 ตุลาคม, 2552

เรื่องดีดีมีไว้แบ่งปัน

คำสั่งพิเศษ

ความหวาดกลัวจับเข้ามาอยู่ในหัวใจของพลทหารท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง..เมื่อเขาได้เห็นเพื่อนสนิทของเขาล้มลงในสนามรบ
ขณะติดอยู่ในสนามเพลาะที่มีแสงไฟจากปืนพุ่งข้ามไปมาอยู่ตลอดเวลา พลทหารขออนุญาตผู้กองของเขาออกไปที่ “เขตอันตราย” ซึ่งอยู่ตรงกลางของสนามเพลาะ เพื่อเอาศพเพื่อนกลับมา
“ได้” ผู้กองบอก
“แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะคุ้มนะ เพราะเพื่อนของเธอน่ะ ตายแล้ว..แล้วเธออาจจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียก็ได้”
พลทหารได้ยินทุกคำพูดของผู้กอง แต่มันไม่สำคัญสำหรับเขา พลทหารวิ่งออกไปที่เขตอันตรายทันที
เขาไปถึงเพื่อนได้อย่างปาฏิหาริย์..เขาแบกเพื่อนขึ้นบ่า..แล้วนำกลับมาที่สนามเพลาะ ผู้กองสำรวจพลทหารที่เสียชีวิต แล้วหันไปมองพลทหารที่ไปแบกศพเพื่อนกลับมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ฉันบอกเธอแล้วว่ามันไม่คุ้ม” ผู้กองบอก.. “เพื่อนเธอตายแล้ว และเธอก็บาดเจ็บสาหัสกลับมา”
“ถึงกระนั้นมันก็คุ้มค่าครับท่าน”..พลทหารตอบ
“เธอหมายความว่าอย่างไร คุ้มค่า..เพื่อนเธอตายแล้วนะ”
“ใช่ครับท่าน แต่มันก็คุ้มค่าเพราะตอนที่ผมไปถึง เขายังไม่ตาย ผมดีใจที่ได้ยินเขาบอกว่า จิม..ฉันรู้ว่านายต้องมา”...
เพื่อนแท้คนหนึ่ง คือพรประเสริฐสุด
และเป็นหนึ่งเดียวที่เราคาดคิดได้น้อยที่สุดว่าจะมี

แค่ห้านาที
วันหนึ่ง ขณะที่อยู่ที่สวนสาธารณะ หญิงคนหนึ่งนั่งข้างชายคนหนึ่งบนม้านั่งใกล้สนามเด็กเล่น
“ลูกชายของฉันอยู่นั่นค่ะ”
เธอบอกและชี้ไปที่เด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งในเสื้อกันหนาวสีแดงที่กำลังไถลลื่นลงมาที่กระดานลื่น
“หน้าตาดีเชียวครับ” ชายคนนั้นตอบ “ลูกชายผมอยู่ที่ชิงช้า ใส่เสื้อสีฟ้าครับ”
แล้วเขาจึงก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะตะโกนเรียกลูกชาย
“ท๊อด ลูกจะว่ายังไง ถ้าเราจะกลับกันแล้ว” ท๊อดอ้อน “ขอห้านาทีฮะ นะฮะ ขออีกแค่ห้านาที”
ชายคนนั้นพยักหน้าและท๊อดก็ได้เล่นชิงช้าต่อไปอย่างทีต้องการ ห้านาทีผ่านไป พ่อลุกขึ้นยืนร้องเรียกลูกชายอีกครั้ง
“ได้เวลาไปหรือยัง”
อีกครั้งที่ท๊อดอ้อน “ห้านาทีฮะ พ่อ แค่อีกห้านาทีฮะ”
ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ตกลง”
“เหลือเชื่อ คุณช่างเป็นพ่อที่อดทนจังค่ะ” หญิงคนนั้นบอก
ชายคนนั้นยิ้มแล้วจึงพูดว่า
“ทอมมี่ ลูกชายคนโตของผมถูกคนเมาขับรถชนตายเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่แกขี่จักรยานเล่นแถวนี้ ตอนนั้นผมไม่มีเวลาให้ทอมมี่มากนัก แต่ตอนนี้ผมยินดีแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับทอมมี่แม้อีกเพียงนาทีเดียว แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
ผมสาบานไว้ว่าจะไม่ทำผิดซ้ำสองกับท๊อดอีก วันนี้สำหรับท๊อด แกคิดว่าแกมีเวลาเล่นชิงช้าเพิ่มอีกห้านาที แต่ที่จริงแล้วเป็นผมต่างหาก ที่มีเวลาดูแลแกเพิ่มอีกห้านาที”
เวลาไม่เคยรอใคร
เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก
จงใช้เวลาของคุณทุกขณะอย่างดีที่สุด
คุณจะรู้คุณค่าของเวลา เมื่อคุณได้แบ่งปันเวลาพิเศษกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตคุณ

ความหมายของชีวิต

ลายคนชอบบ่นกระปอดกระแปดว่า ชีวิตไม่เห็นดี
เหมือนคนอื่น ๆ
บ้างก็ไม่พอใจที่ไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างที่
เพื่อน ๆ เป็น
บ้างก็อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
หลายคนเป็นทุกข์กับการไขว่คว้าหาวัตถุมากมายในชีวิต
ตอนเด็ก ๆ ก็เรียกร้องหาของเล่นชิ้นใหม่ไปเรื่อย ๆ
ครั้นโตขึ้น ก็เรียกร้องของชิ้นโตขึ้น รถใหม่ คอนโด
บ้านหลังใหญ่ ฯลฯ
พร้อมกับความรู้สึกว่าตัวเองยัง “มีไม่พอ”
และจากการพยามยามไขว่คว้าอะไรมากมายเช่นนี้นี่เองที่ทำให้โอกาสได้พบกับเพื่อนลดน้อยลงทุกที
ลองหยุดคิดสักนิด
ครั้งสุดท้ายที่คุณได้นัดเพื่อนสนิทสมัยเรียนมานั่งกินเบียร์หรือกินข้าวกัน “เกิดขึ้นเมื่อไหร่” แล้วครอบครัวล่ะ คุณอยู่กับเค้าบ่อยแค่ไหน หากคุณไม่ได้เป็นอีกคนที่ “ยุ่งอยู่กับงาน” มากจนไม่เคยมีเวลาให้เพื่อนฝูง ครอบครัวและคนรัก บอกได้เลยว่า “คุณคิดถูกแล้ว”
เคยเห็นคนแต่งตัวสกปรกมอมแมมข้างถนนบ้างหรือเปล่า..
หลายครั้งหากคุณลองใช้เวลามองดูดี ๆ อาจพบว่าเขายิ้มได้บ่อยกว่าคุณเสียอีก
ลองทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นโดยลดความต้องการให้น้อยลงสักนิด
เปิดโอกาสให้ชีวิตได้พบกับความสวยงามบ้าง ชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่สนใจกับความ “อยาก”
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่รักให้มากขึ้น
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป เอาคำพูดที่ว่า “สักวันหนึ่ง” ออกไปจากชีวิตเสีย แล้วบอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเค้าแค่ไหน
ทำให้ทุกวันเป็นวันที่พิเศษ
เพราะทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อไร..มันจะสิ้นสุดลง
ที่มา :แผนกบริการลูกค้า CCS R.X Company Ltd.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น