15 พฤศจิกายน, 2552

ร่วมทำความดี


ร่วมทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
1. ความเพียร
การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีควรต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันที่ 27 ตุลาคม 2516
2. ความพอดี
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัด ระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540
3. ความรู้ตน
เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน
พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521
4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521
5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุ ฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496
6. พูดจริง ทำจริง
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจ จัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540
7. หนังสือเป็นออมสิน
หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514
8. ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง
พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531
9. การเอาชนะใจตน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้ สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ
พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุม

10 พฤศจิกายน, 2552

เดินจังหวะลูก

เดินจังหวะลูก

รายงานโดย :ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น:

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผมมีลูกสาวตัวเล็กๆ น่ารักสองคน คนโตชื่อ โมเนต์ อายุห้าขวบกว่าๆ คนเล็กชื่อเมนิ อายุสี่ขวบ
กำลังอยู่ในวัยอ้อนพ่ออ้อนแม่ ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ รู้แต่ว่า ผมต้องพยายามกลับบ้านให้ทัน
ก่อนสองสาวนอนหลับเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ ก็ตัวติดกันตลอด

คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็มักจะนึกถึงแต่ว่าจะสอนลูกให้เป็นคนยังไง ให้มีน้ำใจ ไหว้สวย ไม่งอแง นึกอะไร
ออกก็พยายามสอน ก็ไม่ค่อยได้นึกว่าจะเรียนรู้อะไรจากลูกได้ เพราะลูกยังเด็กยังเล็กอยู่ แต่ด้วยความ
ที่อยู่ด้วยกันตลอด มีบ่อยครั้งที่ลูกผมพูดหรือแสดงท่าทีอะไรที่ทำให้ผมต้องหยุดคิด และทบทวนตัวเองเป็นประจำ

เมื่อไม่นานมานี้ ผมพาเด็กๆ กับภรรยาไปเที่ยวอเมริกา ไปอยู่หลายเมือง สองอาทิตย์ที่ไปเที่ยว เป็นสอง
อาทิตย์ที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผม ได้มีโอกาสตะลอนๆ ไปทั้งครอบครัว ได้ผจญภัยเล็กๆ ตามที่ต่างๆ
มีอุปสรรคบ้างนิดหน่อยพอเป็นน้ำจิ้ม ได้เห็นตัวเล็กทั้งสองสนุกสนานกับของเล่นบ้าง ทิวทัศน์รอบทางบ้าง
เป็นความสุขเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่

ระหว่างทางในหลายๆ ครั้ง ผมกับภรรยาก็จะเดินดูโน่นดูนี่เป็นปกติในจังหวะก้าวย่างของเรา ก็จะได้ยิน
เสียงเมนิ ลูกสาวคนเล็กบ่นปวดขา เดินไม่ทัน เหนื่อย เวลาไปเดินในที่ที่คนเยอะ ก็มีเผลอไปจับมือคนอื่น
คิดว่าเป็นพ่อแม่บ้าง เราก็ได้แต่ขำๆ ในตอนแรก แต่พอใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลา มีจังหวะหนึ่งที่ลูกผมบ่นว่า
เดินไม่ทัน ซึ่งปกติผมก็คงไม่ได้สนใจอะไร แต่จังหวะนั้นผมบอกลูกว่า เดี๋ยวจะลองเดินก้าวช้าๆ เท่าลูกดู

ผมก็เลยลองเดินช้าๆ ช้ามาก เพราะลูกผมยังเล็ก ก้าวได้สั้นๆ และไม่ไกล ผมพยายามเดินในจังหวะของลูก
ช่วงแรกๆ ก็อึดอัดนิดหน่อย ต้องก้าวเท้าถี่ๆ สั้นๆ แต่พอลองบ่อยๆ เข้า ผมก็เริ่มมองเห็นมุมของเขา ว่า
ทำไมเขาถึงเดินไม่ทัน ปวดขา หรือเหนื่อย เวลาเดินจังหวะผู้ใหญ่ พอเริ่มเห็นมุมแปลกๆ ของเด็ก ผมก็เลย
ลองพยายามย่อตัวลงให้เท่าลูก ในมุมที่เรามองเงยหน้าขึ้นไป ทำให้รู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสายตาเขาเหมือนยักษ์ที่อยู่สูง
มองไม่ค่อยถนัด ถึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงจับมือคนผิดอยู่เรื่อยเวลาคนเยอะๆ

หลังจากนั้น ผมก็พยายามเดินช้าลงให้ได้จังหวะของเขา พยายามย่อตัวเวลาคุยกับลูก ลูกผมก็ดูจะสนุกขึ้น
อารมณ์ดีขึ้นและชอบมากเวลาพ่อย่อตัวคุยด้วย ลูกผมสอนให้ผมรู้จักสนใจจังหวะของคนอื่น ลองใช้จังหวะของ
คนอื่นในการดำเนินชีวิตบ้าง ชีวิตของ คนทำงาน หลายๆ ครั้งก็พยายามบงการให้คนอื่นเดินจังหวะเรา ไม่
ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็จะพยายามลองสังเกตจังหวะคนอื่นดูทุกที

ที่ดิสนีย์แลนด์ ช่วงเที่ยงๆ ผมกับโมเนต์ ลูกสาวคนโตไปต่อคิวยาวเหยียดเพื่อซื้ออาหารกลางวัน รอตั้งสิบกว่า
นาที อยู่ดีๆ ก็มีแม่ลูกตัวอ้วนๆ คู่นึงทำเนียนมาแซงคิวเอาโค้งสุดท้ายข้างหน้าผม คงเห็นว่าเราหน้าเอเชียดูใจดี
ก็เลยเบียดซะอย่างนั้น ผมก็เลือดขึ้นหน้า โมโหสุดๆ กำลังจะโวยวายด้วยความฉุน ก่อนจะโวย ก็บอกโมเนต์
เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าพ่อจะต้องโกรธเพราะอะไร

โมเนต์สะกิดแขนผม แล้วทำหน้าชิลล์มากๆ บอกผมว่า “พ่อขา เขาอาจจะรีบก็ได้นะพ่อนะ”

ผมอึ้งไปพักใหญ่ ในหัวหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ดีใจที่ลูกมองโลกในแง่ดีแบบนี้ แถมรู้สึกตัวเองแย่มากๆ ที่ต้อง
ให้ลูกสอนการมองโลก การให้อภัย ระหว่างรอแถว ผมนึกถึงเพลงอื่นๆ อีกมากมายของวงเฉลียงอยู่ในหัว

เด็กหนีไม่ยอมเรียน โดดเรียนเพราะเหตุใด ใครตอบได้ไหม เด็กไปเพราะใจเบ่ง แม่ให้ไปขายของ ครูสอนไม่ดี
เอง เด็กรักเป็นนักเลง อื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อวานก่อน ผมพาเด็กหญิงสองคนไปทำฟัน คุณหมอตรวจเจอว่าโมเนต์ฟันผุ ต้องอุดฟันน้ำนม คุณหมอก็เลย
ทำการอุดให้ เราก็คอยบอกโมเนต์ว่าถ้าเจ็บให้ยกมือขึ้น เพราะอุดฟันเด็กห้าขวบ โดนเหงือก โดนปาก เด็กคง
ต้องเจ็บน่าดู

ตลอดการอุดฟัน ผมก็ถามเป็นระยะว่าเจ็บรึเปล่า โมเนต์ไม่ยกมือว่าเจ็บเลยซักครั้ง ผมก็นึกว่าคงไม่เป็นไร อุดเสร็จ
เรียบร้อยก็กลับบ้าน

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมก็ถามลูกว่า อุดฟันเจ็บมั้ย โมเนต์บอกว่า เจ็บมากเพราะโดนเหงือก ผมก็ถามต่อด้วย
ความสงสัยว่าทำไมไม่ยกมือ หรือร้องล่ะ

โมเนต์บอกสั้นๆ ยิ้มอายๆ “หนูอดทน อยากให้พ่อดีใจ”

ลูก...หนูสอนพ่อเยอะเหลือเกิน...

06 พฤศจิกายน, 2552

ความสุขหลากสี


หากเปรียบความสุขเหมือนสี..
เราอาจจะให้นิยามสีแห่งความสุขของเราได้แตกต่างกัน..

มีหลายคนที่บอกว่า..
สีความสุขของเราเป็นสีขาว..
เพราะเป็นความสุขที่บริสุทธิ์ใจ..

อาจจะมีบางคนที่บอกว่า..
สีความสุขของเราเป็นสีแดง..
เพราะเป็นความสุขที่ต้องดิ้นรนต่อสู้..

แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกว่า..
สีความสุขของเราเป็นสีดำ..
เพราะความสุขที่ได้รับ..แลกมาด้วยความยากลำบาก..

และเกือบทุกคนที่มักจะบอกว่า..
สีความสุขของเราเป็นสีชมพู..
เพราะเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากความรัก..ความเอาใจใส่..

หากนิยามให้ครบทุก ๆ สีแห่งความสุข..
เราคงได้รับนิยามแห่งความสุขอย่างมากมาย..
แต่จะมีใครรู้บ้างไหมว่า..
หากเราเอาทุกสีที่มีอยู่บนโลกนี้..มาผสมรวมกัน..
เราจะได้สีแห่งความสุขเป็นสีอะไร ??

ลองทดสอบดู..
เราจะรู้ว่า..สีแห่งความสุข..
เมื่อนำมาผสมรวมกัน..
จะเป็นสีแห่งความสมดุลของธรรมชาติ..
ที่วางเปล่า..แบบไม่น่าเชื่อ..

สีแห่งความสุขของเราก็เช่นเดียวกัน..
หากเราลองรวบรวมประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต..
เหมือนกับการนำสีมาผสมรวมกัน..
สีแห่งประสบการณ์ชีวิตของคนเรา..
ก็มีทั้งสุขและทุกข์..คละเคล้าปะปนกันไป..

สีแห่งความสุข..
คือ..บทพิสูจน์ที่ว่า..
ความสุข..ความทุกข์..
เกิดจากการแต่งเติมสีภายในจิตใจของเรา..

เราจะปรุงแต่งอารมณ์..ความรู้สึกแบบใด..ลงไปในจิตใจ..
ใจของเรานั่นแหละ..ที่จะบอกเราได้ว่า..
เรามีความสุขหรือความทุกข์..


บทความ...โดย..ชายน้อย..
ที่มา : http://www.dhammathai.org/articles/view.php?No=726

01 พฤศจิกายน, 2552

ความรักของวงกลมและสามเหลี่ยม

นานมาแล้ว..... มีวงกลม อยู่วงหนึ่ง เศษเสี้ยวของมันหายไป

มันกลิ้งไป ..กลิ้งไป... ตามหาเศษเสี้ยวที่หายไปนั้น
มันเจอผู้คนมากมาย แต่ไม่มีใครเลย ที่จะเติมเต็มมันได้

บางทีก็ใหญ่เกินไป...
ถ้าฝืนก็จะเจ็บทั้งสองฝ่าย..

บางที...คิดว่าเข้ากันได้ ...
แต่พอก้าวไปข้างหน้า ถึงได้รู้ว่า " ไปด้วยกันไม่ได้ "

บางที...เศษเสี้ยวมีหนามแหลมคม
กว่าจะรู้ตัวว่า " ไม่ใช่ "
ก็ได้ทิ้งบาดแผล และ ความเจ็บปวด มากมายไว้ให้เจ้าวงกลม

มันยัง กลิ้งไป...กลิ้งไป..

จนในที่สุด...ก็พบเศษเสี้ยวของมัน

แล้ว วงกลมก็เต็ม วง

ถ้าเรื่อง มันจบ Happy อย่างนี้ก็ดีเนอะ
ลองมาฟัง เรื่องเล่าของ สามเหลี่ยม กันบ้างนะ
ยังจำเศษเสี้ยวของวงกลมนั้นได้มั๊ย ?
เสี้ยวรูปสามเหลี่ยม ... กำลังตามหาวงกลมของมัน

มันกลิ้งไป....กลิ้งไป...

พบคนมากมาย...
แต่ไม่มีใครเลย....
ที่เป็นที่ของมัน...

นี่ก็ไม่ใช่ .. นั่นก็ไม่ใช่...

พอเจอคนที่คิดว่าใช่...
กลับพบว่า..เขามีส่วนเติมเต็มของเขาอยู่แล้ว

สามเหลี่ยม...กลิ้งไป.... กลิ้งไป....
กลิ้งไป....กลิ้งไป....

จนขอบของมันเริ่มมนลง

ในที่สุด สามเหลี่ยม นั้น ก็ กลายเป็น ...วงกลม...
และพบว่าตัวเองนั้นสามารถกลิ้งไปได้....ด้วยตัวของมันเอง
โดยไม่ต้องการให้ใครมา เติมเต็ม

ที่มา : Mail Forwarding